ขึ้นชื่อว่าเป็นโครงสร้างบ้านที่ไม่ได้ก่อสร้างด้วยวัสดุประเภทไม้แล้ว อย่างไรเสียก็ต้องมีวันเกิด รอยแตกร้าว เป็นธรรมดา สิ่งที่เจ้าของบ้านต้องเข้าใจก็คือเราห้ามไม่ให้เกิดรอยเหล่านั้นไม่ได้ แต่เราเรียนรู้และเฝ้าสังเกตได้ว่ารอยแบบไหนเป็นอันตรายต่อตัวบ้านหรือไม่ เพื่อให้ระวังและตัดสินใจซ่อมแซมได้ถูกจุด โดยใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนและใช้เงินทุนให้คุ้มค่าที่สุด ครั้งนี้เราจึงนำรอยแตกแบบต่างๆ มาฝากกัน
อันดับแรกที่อยากจะพูดถึงก็คือ รอยแตกร้าว ตามแนวเสา
เพราะนี่เป็นเหมือนจุดค้ำยันโครงสร้างทั้งหมด หากเสาเสื่อมสภาพจนรับน้ำหนักได้น้อยลง ก็มีโอกาสที่บ้านจะทรุดหรือพังลงมาได้ รอยแตกที่ต้องระวังมากเป็นพิเศษคือรอยที่แตกตามแนวเฉียงตัดท่อนเสา ยิ่งถ้าเกิดขึ้นบริเวณหัวเสาซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับแนวคานยิ่งอันตราย ต้องรีบติดต่อผู้เชี่ยวชาญให้เข้ามาแก้ไขโดยด่วน ส่วนรอยร้าวที่แตกตามข้างเสา แบบนี้ไม่ค่อยน่ากังวลนักอาจใช้เพียงแค่ปูนโป๊วแก้ไขรอยนั้นได้
ต่อมาเป็นรอยแตกร้าวเป็นแนวเฉียงบนผนัง แต่มันมีเส้นบางๆ กั้นระหว่างรอยที่อันตรายกับรอยที่ไม่มีผลอะไรอยู่ ทันทีที่เริ่มสังเกตเห็นรอยร้าว ให้ทำการบันทึกไว้ว่ารอยนั้นกว้างเท่าไรและยาวเท่าไร โดยให้ความสำคัญกับรอยที่วิ่งจากมุมผนังด้านล่างแล้วเฉียงไปยังมุมผนังด้านบนมากเป็นพิเศษ ถ้าเวลาผ่านไปแล้วรอยนั้นไม่มีความเปลี่ยนแปลงก็ไว้วางใจได้ แต่ถ้าร่องรอยแตกขยายกว้างขึ้นก็หมายความว่าตัวบ้านอาจเริ่มบิดตัว
ก็ต้องเร่งหาทางแก้ไขเช่นกัน สุดท้ายเป็นรอยแตกร้าวบริเวณคาน ถ้าเห็นรอยแตกเป็นแนวดิ่งกึ่งกลางคาน แบบนี้ถือว่าวิกฤติเลยทีเดียว เพราะรอยแบบนี้บ่งบอกว่าคานกำลังจะรับน้ำหนักไม่ไหว มีโอกาสจะหักกลางลงมาได้ ยิ่งคานใหญ่เท่าไรก็ยิ่งเกิดความเสียหายรุนแรง ต้องเร่งสอบถามกับวิศวกรที่มีความรู้เกี่ยวกับการซ่อมบำรุงอาคาร ให้เข้ามาเสริมกำลังคานด้วยวิธีการเฉพาะทาง หรือไม่ก็ต้องรื้อบริเวณนั้นออกแล้วก่อสร้างใหม่ในลักษณะต่อเติม
ต้องการที่จะติดตามข่าวของทางเรา คลิกที่นี้ เพื่อไม่พลาดรายการใหม่ๆของทางเรา